ไขความลับของ Goji Berry

“ โกจิเบอร์รี่ ” (GOJI BERRY) หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า “เก๋ากี้” ใช่แล้วค่ะ จริงๆ แล้วโกจิเบอร์รีก็คือเก๋ากี้ สมุนไพรจีนที่มีมาแสนนานนน แล้ว นั่นเอง โกจิเบอร์รีเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งในตระกูลเบอร์รี โดยมีกรดอะมิโน 19 ชนิด มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการรวม 21 ชนิด ได้แก่ สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม ฟอสฟอรัส ซิลีเนียม และเจอร์มาเนียม (ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็ง) มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม 500 เท่า แถมยังมีการค้นพบแล้วว่า โกจิเบอร์รีช่วยเปลี่ยนอาหารที่เรากินเข้าไปให้เป็นพลังงานแทนไขมัน จึงว่ากันว่า โกจิเบอร์รีช่วยลดน้ำหนักได้นะจ๊ะ
นอกจากนี้ โกจิเบอร์รี่ ยังมีสรรพคุณเด่นๆ อีกหลายประการตามนี้เลยคร่า
– เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยทำให้มีความสุข : พบว่า หากดื่มน้ำโกจิเบอร์รีเป็นประจำ นาน 15 วัน รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลังงานมากกว่าที่เคยเป็น นอนหลับได้ดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้นด้วย
– บำรุงสายตา : เพราะ โกจิเบอร์รีมีสารทัวรีน (Taurine) ซึ่งมีคุณสมบัติบำรุงสายตาให้แจ่มใส โดยเฉพาะสายตาของผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาสายตาอันสืบเนื่องมาจากโรคเบาหวาน
– ประโยชน์ต่อตับ และป้องกันอัลไซเมอร์ : การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Ethnopharmacology พบว่า ผลโกจิเบอร์รีช่วยลดความเสียหายของตับในหนูทดลองที่ได้รับสารเคมีที่เป็นพิษลงได้ โดยนักวิจัยคาดว่าคุณสมบัติในการป้องกันนี้อาจเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระในโกจิเบอร์รีนั่นเอง . นอกจากนี้การศึกษาเบื้องต้นในสัตว์ทดลองยังพบว่า โกจิเบอร์รีอาจช่วยให้น้ำตาลในเลือดสมดุล และนักวิจัยคาดว่านี่ยังอาจช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ได้ด้วย . .
โกจิเบอร์รี กินอย่างไร ??
ตามธรรมเนียมคนจีน สมัยก่อน มักนำโกจิเบอร์รีหรือเก๋ากี้ (อบแห้ง) ไปใส่ในซุป ใส่ลงไปในถ้วยชา จึงต้องนำโกจิเบอร์รีอบแห้งไปแช่หรือผสมในอาหารประเภทน้ำๆ หรือเหล่าเครื่องดื่มอย่างชา ไวน์ น้ำผลไม้ปั่น เป็นต้น
แต่ จริง ๆ แล้วโกจิเบอร์รีสามารถ ทานเล่นเพลินๆ หรือ นำไปผสมกับโยเกิร์ต สลัด ขนมปังปิ้ง หรือในซีเรียลก็ได้เช่นกัน หรือใครที่ชอบทำขนม ลองนำไปผสมดูน๊า หอมหวานได้แบบไม่ต้องพึ่งน้ำตาลเลยคร่า ซึ่งปริมาณที่ควรบริโภคโกจิเบอร์รี ควรอยู่ที่ 6-18 กรัมต่อวัน ส่วนน้ำโกจิเบอร์รีก็ไม่ควรดื่มเกินวันละ 4 ออนซ์ (ประมาณ 118 มิลลิลิตร) นะคะ .
Goji Berry 100g 350.- free shipping