Monthly Archives: ธันวาคม 2018

6 อย่างที่ทำให้คุณลดความอ้วนไม่สำเร็จ

ไหนใครเคยพยายามจะลดน้ำหนักหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จบ้างค้า วันนี้เราขอมาแชร์ 6 สาเหตุที่อาจทำให้คุณลดความอ้วนไม่ได้ มีอะไรกันบ้าง ลองอ่านกันดูนะคะ
และถ้าอ่านจบแล้วมาปรับพฤติกรรมเพื่อหุ่นสวยกันเถอะค่ะ ><

1.การออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป
การเผาผลาญหรือใช้พลังงานให้มากพอที่จะให้ร่างกายไปดึงเอาไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมาใช้ทดแทน แต่เนื่องจากว่าคนอ้วนหลายคนนั้น มักจะใจร้อน อยากผอมเร็วๆ ก็เลยคิดว่า ถ้างั้นฉันก็โหมออกกำลังกายไปเลย ร่างกายจะได้เร่งเอาไขมันสะสมมาใช้งานจะดีกว่า จึงออกกำลังกายแบบบ้าพลัง ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกายวันละ 2-3 ชั่วโมง, การวิ่งเป็นระยะทางไกลๆ และอีกสารพัดให้เหงื่อมันไหลออกมามากๆ โดยคิดว่าสิ่งที่ทำไปนั้น จะทำให้ร่างกายของตัวเองผอมเร็วๆ แต่จริงๆ แล้วมันจะทำให้เราหิวชนิดที่เรียกว่าโหยหาอาหารอย่างบ้าคลั่งหลังจากออกกำลังกายเสร็จ ซึ่งถ้าคุณไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ก็เผลอกินอาหารเติมลงไปอยู่ดี

 

 

 

 

 

2.ขาดความสม่ำเสมอ
ร่างกายของคนเรานั้นมีความแปลกอยู่หลายอย่าง หากคุณออกกำลังกายแบบเดิมซ้ำๆ ทุกๆ วัน ร่างกายจะเริ่มมีการปรับตัว จากเดิมที่คุณอาจจะรู้สึกเหนื่อย เมื่อยล้า ไม่มีแรง แต่เมื่อคุณเริ่มออกกำลังกาย สั่งให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวบ่อยๆ ร่างกายจะเริ่มปรับตัวและเกิดการเคยชิน ทำให้การออกกำลังกายในวันต่อๆ ไปของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นกว่าวันก่อนๆ
เพราะงั้นแล้ว ความมีวินัยในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นหัวใจสำคัญอีกข้อของการลดน้ำหนักให้ประสบความสำเร็จ มันไม่สำคัญว่าคุณจะโหมออกกำลังกายในแต่ละวันแค่ไหน แต่สำคัญว่าคุณทำได้ต่อเนื่อง ยาวนานแค่ไหนต่างหาก

 

 

 

 

 

 

3.เลือกเวลาออกกำลังกายผิด
เวลาคนจะออกกำลังกาย ส่วนมากมักจะออกกำลังกายแค่ ช่วงเช้า หรือช่วงเย็น แต่ในสมัยนี้ คนส่วนมากมักจะเลือกออกกำลังกายช่วงเย็นแทน ซึ่งมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย แต่ถ้าคุณต้องการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักแล้วละก็ การออกกำลังกายในช่วงตอนเย็นจะเป็นเวลาที่ผิดมากสำหรับคนอ้วนที่กำลังหาวิธีลดน้ำหนัก
เหตุผลเพราะว่า หลังจากที่คุณออกกำลังกายเสร็จแล้ว (ช่วงเย็น) โดยมากในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของการลดน้ำหนัก คุณจะยังหิวอยู่ ยิ่งออกกำลังกายด้วย ยิ่งหิวหนักเป็นทวีคูณ ดังนั้นคุณจะอดใจได้ยังไงเมื่อท้องคุณร้อง น้ำย่อยหลั่งจนไส้จะขาดอยู่แล้ว แต่ถ้ากลับกัน คุณเลือกที่จะออกกำลังกายในช่วงเช้าแทน แน่นอนว่าคุณยังสามารถกินอาหารเช้า หรืออาหารกลางวันทดแทนเข้าไปได้นั้นเอง
ดังนั้นหากใครที่กำลังอยากลดน้ำหนักแล้วอยากจะออกกำลังกายด้วย แนะนำว่าออกกำลังกายในตอนเช้าจะดีกว่า ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายด้วยการวิ่ง, เต้นแอโรบิค ฯลฯ เท่านั้น การออกกำลังกายในที่นี้คุณสามารถทำเองได้ในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินขึ้นลงบันได, การเดินไปที่ทำงาน (ในระยะทางที่ใช้เวลาเดินสัก 10-15 นาที) การออกกำลังกายในช่วงเช้านี้ เน้นแค่เอาให้รู้สึกร่างกายอุ่นๆ เหงื่อยซึมๆ เล็กๆ ก็พอแล้ว จำไว้ว่าไม่ต้องหักโหม แต่เน้นความต่อเนื่องและสม่ำเสมอจะดีกว่า

 

4.ไม่ระวังเรื่องอาหาร
แน่นอนว่าหลังจากที่คุณใช้พลังงานไปกับการออกกำลังกายแล้ว (ไม่ว่าจะออกแบบเบา หรือแบบบ้าพลังก็ตาม) สิ่งหนึ่งที่ตามมาเสมอก็คือ “อาการหิว”นั้นเอง ซึ่งหากคุณไม่ควบคุมอาหารที่จะยัดใส่ปากแล้วละก็ สิ่งที่คุณออกกำลังกายมาก่อนหน้านี้มันก็ไร้ค่าสิ้นดีนั้นเอง ดังนั้นก่อนจะกิน จะดื่มอะไร ลองอ่านสลาก หรือคำนวนในใจสักนิดว่า สิ่งที่เราจะกินเข้าไปนั้น มันให้พลังงานเรามากน้อยแค่ไหน

 

 

 

 

 

 

 

5.ดื่มน้ำน้อยเกินไป
น้ำเป็นสิ่งสำคัญของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าคุณจะอยากลดน้ำหนักหรือไม่อยากลดน้ำหนักก็ตาม ยังไงซะร่างกายของคุณก็ต้องได้รับน้ำเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน คนที่ลดน้ำหนักได้ช้าหลายคนอาจจะมาพลาดตกม้าตายตรงกินน้ำน้อยนี่แหละครับ บางคนทั้งวันกินน้ำไม่ถึง 500 มิลลิลิตร (ประมาณ 3 แก้ว) ด้วยซ้ำ!

 

 

 

 

 

 

 

6.พักผ่อนไม่เพียงพอ

มหาวิทยาลัยชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยผลการวิจัยว่า การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลกับความพยายามลดน้ำหนักของคุณ เนื่องจากร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จะเกิดความปรวนแปรของฮอร์โมน และระบบการทำงานของร่างกายได้โดยง่าย อีกทั้งระบบเผลาผลาญก็จะเสียศูนย์ไปด้วย